การตลาดบนเส้นทางเกษตรยั่งยืน

เกษตรกรหลายคนที่เลือกทำเกษตรยั่งยืน ในแนวทางที่หลากหลาย เช่น เกษตรธรรมชาติ เกษตรอินทรีย์ วนเกษตร เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน พุทธเกษตร เป็นต้น ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของตนเอง
เมื่อทำเกษตรยั่งยืนที่อยู่บนพื้นฐาน จากพอกิน พออยู่ พอใช้ พอร่มเย็น สู่การทำบุญและทาน นำไปเก็บรักษา แปรรูป จนกระทั่งพร้อมขาย ซึ่งหมายถึงการพึ่งตนเองได้อย่างสมบูรณ์ แล้วเข้าสู่การพึ่งกันเอง
เมื่อเรามีสิ่งที่เราผลิตได้นำไปสู่การเป็นสินค้า เพื่อจำหน่ายจ่ายแจก การตลาดบนเส้นทางการทำเกษตรในยุค การตลาด 4.0 ต้องเริ่มต้นปั้นแบรนด์ให้ชัดเจน มีความโดดเด่น แตกต่าง และที่สำคัญ คือ เจ้าของแบรนด์ต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริง เพื่อนำเสนออัตลักษณ์แบรนด์ออกไปให้ผู้คนได้รับรู้ว่า “เราคือใคร เราทำอะไร เราขายอะไรอยู่ ?”
ก่อนจะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักต้องเข้าใจก่อนว่าแบรนด์คืออะไร
แบรนด์ คือ “ชื่อเสียง” เป็นสิ่งที่เป็นตัวตนของเรา สิ่งที่ให้คนอื่นรู้จักว่าเราเป็นอย่างไร ทำอะไร เพื่ออะไร ทำอย่างไร ….
ดังนั้นเราจะต้องเตรียมปัจจัยให้พร้อมสำหรับการตลาดในแบบเกษตรพึ่งตน
1. ตัวตนต้องชัดเจน
สำหรับเกษตรกรที่ทำตามแนวทางเกษตรยั่งยืน รูปแบบเกษตรเหล่านี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกตัวตนได้อย่างชัดแจแล้ว การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก คุณจะต้องมีข้อความหลักที่ต้องการสื่อออกไปให้แบรนด์มีตัวตนจับต้องได้ เช่น การผลิตอาหารปลอดภัย ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เกื้อกูลต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนชุมชน เป็นต้น
เราจะต้องสร้างบุคลิกภาพของตราสินค้า ที่ชัดเจน ให้ผู้บริโภคจำได้ จำง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ซ้ำใคร และต้องครบเครื่องโดยการออกแบบ เช่น โลโก้, คอนเซ็ปต์, โทนสี, สโลแกน ฯลฯ พร้อมกับสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ ตรงนี้สำคัญมาก ๆ กล่าวคือ เพียงแค่ลูกค้าพบโทนสีแบบนี้ และนึกถึงแบรนด์เรา หรือเห็นเพียงแค่ภาพโลโก้ของเรา ลูกค้าก็จำได้ว่าแบรนด์เราคือใคร ทำอะไร ขายอะไรอยู่ หรืออยากได้สินค้าต้องไปช้อปที่ไหน ฯลฯ
2. รู้จักลูกค้าให้ดี หรือกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน หาลูกค้าที่ใช่ให้พบกับสินค้าที่ใช่ ทำความรู้จักกับกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าหลักให้ดีว่า ลูกค้ามีพฤติกรรมอย่างไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ฯลฯ ชนิดที่คุณต้องรู้ลึกรู้จริง เพื่อสานต่อเป้าหมายการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก สร้างความภักดีในแบรนด์สินค้าและบริการ สร้างกลุ่มเครือข่ายอันแน่นแฟ้น ส่งต่อความรู้สึกร่วมระหว่างลูกค้าและแบรนด์ธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มการรับรู้ ให้มากขึ้น นำมาสู่ความสนใจซื้อสินค้าแบบไม่บีบบังคับจิตใจ ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการเพราะชื่นชอบและหลงรักในแบรนด์ หรือเปลี่ยนใจให้ลูกค้ารู้สึกว่า ตนเองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแบรนด์ได้ยิ่งดี หากนึกไม่ออกว่าการสร้างแบรนด์ให้มีความรู้สึกร่วมกับลูกค้าในขั้นตอนนี้เป็นอย่างไร
3. การตลาดด้วยเนื้อหา เนื้อหาต้องล้ำเลิศ การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เราจะต้องมีเนื้อหาที่ดี น่าคลิก น่าอ่าน และบอกเล่าเรื่องราวให้คนรับรู้ พร้อมกับตอบคำถามคาใจของผู้บริโภค ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้มีเสน่ห์
4. เลือกเครื่องมือการตลาดให้ถูกต้อง เมื่อมีแบรนด์ชัดเจน คอนเทนต์ตรงจุดโดนใจลูกค้า วิเคราะห์จากพฤติกรรมของผู้บริโภค พร้อมกับเลือกเครื่องมือโปรโมทตัวตนของแบรนด์ทั้งแบบออฟไลน์และในโลกออนไลน์ให้ถูกต้องก็เป็นปัจจัยหลักที่ไม่ควรมองข้าม เช่น
– เว็บไซต์ (Website) คือเครื่องมือพรีเซนต์ตัวเองให้ผู้คนค้นพบธุรกิจของคุณบนโลกออนไลน์ ใช้เก็บข้อมูล Traffic ลูกค้าที่สนใจสินค้า ข้อดีคร่าว ๆ คือ ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือของธุรกิจไปในตัว แถมเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มขายอื่น ๆ ได้อีกเพียบ
– แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (Social Media) เช่น เฟซบุ๊ก (Facebook) ใช้โปรโมทธุรกิจ เข้าถึงลูกค้าได้ ตามด้วยอินสตราแกรม (Instagram) นำเสนอภาพสวย ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกค้าและยอดขายได้เป็นอย่างดี
– แอปพลิเคชันไลน์แอท (LINE@) ใช้ทำลูกค้าสัมพันธ์ เข้าถึงลูกค้า ดูแลให้มากกว่าเดิม ฯลฯ อีกทั้ง ต้องรู้จักช่วงเวลาที่เหมาะสมในการโพสต์ ความสั้น-ยาวของคอนเทนต์ที่นำเสนอให้เหมาะกับแพลตฟอร์ม เพื่อเรียกยอดคลิก เพิ่มการเข้าถึง และสร้างยอดขายได้ในที่สุด สำหรับผู้อ่านที่สนใจการเพิ่มยอดผู้ติดตามนำไปสู่ยอดขาย
5. พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง อย่าหยุดเรียนรู้ หากประสบความสำเร็จ จงอย่าหยุดพัฒนา ควรนำเสนอแบรนด์และเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ ให้ลูกค้ารู้สึกว่าหากวันไหนไม่เจอเนื้อหาจากแบรนด์เราแล้ว เหมือนขาดอะไรในชีวิตไปบางอย่าง เพราะนี่คือการสร้างแบรนด์ที่นำมาสู่การสร้างยอดขายได้อย่างยั่งยืน
ตอบคำถามให้ได้ว่า “การสร้างแบรนด์ เราต้องการสื่อสารอะไรให้ลูกค้าได้รับรู้และรู้จักความเป็นตัวเรา ได้รับคุณค่าอะไรจากเรา เพราะแบรนด์คือชื่อเสียงของเรา”
ป้ายคำ : การตลาด