ปฐมบทสู่การพึ่งตนเองด้วยวิถีพอเพียง

จากการที่เกิดเป็นหลานชาวนา เป็นลูกชาวไร่ (และยังเป็นเขยชาวสวน) ด้วยชีวิตที่ถูกกระแสแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมพัดพา ตามกระบวนการศึกษาในกรอบ จนผ่านมาถึงระดับปริญญา นำมาสู่เส้นทางแรงงานชั้นดีในเมือง ตอบสนองภาคธุรกิจทุนนิยมอย่างไม่ลืมหูลืมตา หวังเพื่อสร้างฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวให้มั่นคงแข็งแรง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาในใจค้นหาทางไขว่คว้าแนวทางของตนเองอยู่เสมอ

เส้นทางชีวิตของว่าที่เกษตรกรอย่างผม ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงเป็นเด็กบ้านนอก ที่มีปูย่าตายายเป็นชาวนาเมืองสุพรรณ พ่อแม่หันมาทำอาชีพรับจ้างทำไร่อ้อยในต่างอำเภอ เพราะเหตุความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ที่ทางรัฐกำหนด ผมจึงเป็นลูกเกษตรกรเต็มขั้น ใช้ชีวิตในวัยเยาว์ด้วย การรับจ้างทำไร่อ้อย จากการทำด้วยสองมือกับจอบด้วยการ ขุด ถาก ถาง กลบ เรียนรู้ กินนอน อยู่ในดงอ้อย ความยากจนผลักดันให้ต้องมุ่งมั่นต่อสู้ชีวิต

จากระดับประถมศึกษา สู่โรงเรียนมัธยมศึกษาด้วยนักเรียนทุนในแบบเรียนดีแต่ยากจน ทำงานช่วงวันหยุดเก็บเงินเป็นเวลากว่า 3 ปี เพื่อเป็นทุนการศึกษาสู่มหาวิทยาลัย และก็สามารถทำตามความมุ่งหวังจนสำเร็จได้เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย(ที่มีชื่อว่าศาสตร์แห่งชาวนาชาวไร่)

ช่วงชีวิตมหาวิทยาลัย เป็นช่วงแห่งการแสวงหาความหมายของชีวิต การได้ออกไปค้นหาความหมาย ด้วยการออกค่ายอาสาฯ อยู่กินนอนกับชาวบ้าน อยู่กับพ่อแม่เกษตกร นัยหนึ่งอาจเป็นการย้อนความรู้สึกไปสู่ช่วงวัยเยาว์ แต่การได้พบกับปัญหาต่างๆ ที่มีกับชาวบ้าน ด้วยเหตุแห่งความไม่เท่าเทียม ความไม่รู้ ความผิดพลาดของนโยบายรัฐ ความเดือดร้อนจึงตกอยู่กับชาวบ้านและไม่มีใครช่วยชาวบ้านหรือเกษตรกรจริง จึงได้พบกับคำตอบว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น จึงหันเส้นทางการเรียนรู้สู่การพึ่งตนเอง เรียนรู้วิถีการทำเกษตร ในรูปแบบต่างๆ เช่นเกษตรผสมผสาน วนเกษตร เกษตรอินทรีย์ จากผู้รู้ ปราชญ์ในช่วงนั้น

khontamsuan

หลังจากจบชั้นอุดมศึกษา ภาพแห่งความเป็นจริงก็ปรากฎ เมื่อต้องนำวิชาชีพที่ตนเองเรียนมาด้วยภาษีของประชาชน มาเป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพอันสุจริตและเป็นกำลังพัฒนาประเทศ แต่ด้วยวิชาที่จบเป็นศาสตร์แห่งเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ทำให้ต้องทำงานในแวดวงธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยปณิธานที่ตั้งใจไว้ว่าจะนำศาสตร์ที่เรียนมากลับมาตอบสนองคุณแก่ชาวไร่ชาวนาที่เป็นผู้เลี้ยงดูประเทศมา แต่ความเชื่อที่ว่า เทคโนโลยีเป็นอาวุธของทุนนิยม จึงพยายามนำความรู้มาประยุกต์และหาช่องทางช่วยผู้ถูกเอาเปรียบจากการใช้เทคโนโลยี และยังชีพด้วยวิชาชีพ กับชีวิตแบบพึ่งตนเองมาโดยตลอด

คลื่นแห่งการพัฒนา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำพาทุนนิยมเข้าสู่ยุคทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างเมามัน ในฐานะคนที่ทำงานในกระแสแห่งเทคโนโลยีที่ใกล้ชิดกับชีวิตผู้คนจำนวนมาก ทำให้มองเห็นการมอมเมาประชนชนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งรวมกับพลังแห่งมายาภาพของทุนนิยม ที่สร้างบดบังความจริงและไหลบ่า สร้างความอยากอันไม่สิ้นสุดแก่ผู้ไม่เท่าทัน เพียงแต่เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จนกระทั่งองค์ราชาแห่งแผ่นดินไทย ทรงชี้ทางรอดด้วยแนวทางแห่งการพึ่งตนเองตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ผมไม่รีรอที่จะศึกษาอย่างจริงจังและพยายามนำมาปรับใช้

ตอนนี้ผมอาจเป็นเพียงว่าที่เกษตรกร แต่อีกไม่นานนักหรอกที่ผมจะได้ชื่อว่าเป็นเกษตรกรอันเป็นความภูมิใจสูงสุดในชีวิตของตนเอง จากนี้ไปก็เริ่มเข้าสู่การนับถอยหลังสู่วิถีเกษตร

ว่าที่ฯ เกษตรกร เซมเบ้
ณ สวนหม่อนไม้
12 มกราคม 2556