SEO (Search Engine Optimization)

SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหาในตำแหน่งที่ดีที่สุด หรือ ติดหน้าแรกของ Search Engine ต่างๆ เช่น Google, Yahoo, Bing โดย SEO ย่อมากจาก Search Engine Optimization.

SEO ให้ประโยชน์อะไร?
คำตอบในแง่ของธุรกิจ คือ ช่วยทำกำไรให้กับเว็บไซต์ของคุณ เนื่องจากการค้นหาในปัจจุบัน กว่า 95% เลือกเว็บไซต์ที่ค้นหาแค่ 1-10 อันดับแรก ซึ่งถ้าเว็บไซต์ใดไม่ติดอันดับ 1-10 อันดับแรก เรียกได้ว่าแถบจะไม่มีลูกค้าเลย แต่ SEO อาจไม่ใช่ทุกสิ่ง บางธุรกิจอาจจะไปโปรโมทอย่างอื่นได้ เช่นโบชัวร์ หรือ สิ่งพิมพ์ต่างๆ

การทํา SEO คือ กระบวนการที่ทําให้เว็บไซต์ หรือ ชื่อเว็บไซต์ ปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดของผลการค้นหาผ่าน เว็บเสิร์ชเอนจิน (Search Engine) เช่น Google.com, MSN.com, Yahoo.com, Sanook.com เป็นต้น ด้วย Search Keyword ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจ ข้อมูล เนื้อหา บทความ สินค้าและบริการ ที่นำเสนอผ่านเว็บไซต์ของเรา โดยรักษาให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดเสมอ (ปกติจะพยายามทําให้อยู่ในหน้าแรกของการค้นหา) ซึ่งการ ทํา SEO นั้นจะประกอบไปด้วย การปรับปรุง-เพิ่มคำสำคัญ (Keywords) ในหน้าเว็บไซต์ การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้มีขนาดเล็กการใช้ meta tag และวิธีอื่นๆ ควบคู่กันไป

การทำ SEO แบ่งออกได้เป็น 2 อย่างคือ

  1. On-page Optimization (ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ในเว็บ เพื่อทำให้ Google จัดอันดับเว็บเราดีขึ้น)
  2. Off-page Optimization (ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ นอกเว็บ เพื่อทำให้ Google จัดอันดับเว็บเราดีขึ้น)

?หัวใจหลักในการทำ SEO นั้นมีอยู่ 2 อย่าง? คือ
1. Content ซึ่งหมายความถึง เนื้อหาที่ความเกี่ยวข้องกับคำค้นหา และมันชี้วัดโดยคำว่า Relevance นั่นเอง โดยมี On-Page Optimization เป็นตัวปฎิบัติ
? สามารถพูดได้ว่า การที่พวกเราทำ On-Page SEO ก็เพื่อส่งสัญญาณบอก Google ว่าเว็บของเรานั้นมีความ Relevance
? On-Page SEO แบ่งได้ 2 อย่าง คือ On-Page Technique กับ On-Page Content แต่ทั้งสองส่วนก็คือการมุ่งเน้นไปที่ปรับแต่ง Content บนเว็บนั่นเอง
การทำ SEO ให้ติดอันดับด้วยเทคนิคที่แตกต่าง “SEO On Page” เป็นการการเน้นการปรับปรุงสิ่งที่อยู่ข้างใน Web เป็นหลัก ซึ่ง ดิฉันต้องบอกกับท่านผู้ที่ชอบอ่านหนังสือทุกคนก่อนครับว่า ทีมงาน (Work) ของเราและทีมงานทุกคนได้ให้สิ่งที่สำคัญเรื่องของการปรับ On Page เป็นอย่างมากครับ เพราะว่าการปรับให้บล็อกช่วยเหลือ Search Engine ที่ดีก็คือการทำให้เสิร์ทเอนจิ้นเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดว่าเราและสมาชิกทุกท่านกำลังทำ Web เกี่ยวกับอะไร สื่อถึงอะไร และ Want ให้ Blogค้นหานำเว็บหน้าหลักเราและทีมงานไปจัดอยู่ในหมวดหมู่ (Category) คำค้นหาวิธีทำ (Keyword) ในกลุ่มใด ซึ่งที่ส่วนตัวข้าพเจ้าพูดมาทั้งหมดที่คำนวณได้อยู่ในการปรับแต่งให้ดีกว่าเดิมในส่วนของออนเพจทั้งสิ้นครับ เริ่มต้นแต่การปรับในส่วนของ Title Tag, Meta Description Tag, Meta Keyword Tag ซึ่งมีความคัญมากครับ เพราะการกำหนดในส่วนนี้นั้นอันจะทำให้ Search Engine เข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาทั้งหมดว่า Website ของเราและคุณทุกคนอยู่ในกลุ่มคำค้นที่นิยมค้นหาไหน ในหน้า Web นั้นควรแทรกรูปภาพพร้อมทั้งใช้คำสั่งการ alt เพื่อทำให้เข้าใจรูปภาพว่ามีสัมพันธภาพระหว่างคำกับสัญลักษณ์ในภาษาอย่างไร เว็บโฮมเพจที่ดีควรมีการเพิ่มไฟล์เอกสารที่ใช้ประกอบการทำงาน Video เข้าไปเพื่อเป็นการนำเสนออย่างเที่ยงตรงเกี่ยวกับ Content ที่หลากหลายให้กับคนที่เข้ามาอ่านและทบทวนเนื้อหาสำคัญ อีกทั้งควรนำเอาระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ดมาติดข้างในเว็บหน้าหลักไซต์ด้วยเพื่อทำให้ค้นสามารถแชร์หรือบอกกล่าวในสิ่งที่ยังไม่รู้ Web เราและสมาชิกทุกท่านต่อได้ หรือไม่ก็ใช้เป็นส่วนที่ติดต่อฝ่ายขายกับผู้ใช้บริการ และแน่นอนครับว่า Social Network อันดับ (Rating) ต้นๆที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google+, Twitter, Youtube ฯลฯ เป็นต้น ในการนำระบบ Social ออนไลน์มาติดไว้สิ่งที่อยู่ภายใน Blogไซต์ของเราและสมาชิกทุกท่านนอกจากที่จะสามารถ Contact ติดต่อระหว่างกันกันได้ง่ายยิ่งกว่าอะไรแล้ว ยังสร้างความน่าเชื่อถือ (Credibility) อีกด้วย ที่สำคัญมากที่สุดมันทำให้อันดับหน้าแรกดีขึ้นอย่างกระจ่างแจ้งอย่างไม่มีข้อสงสัย และสิ่งที่ละเลยไปไม่ได้ก็คือ การเพิ่ม Tag คำสั่ง H1, H2, H3, Storng, Under Line และ Font Color เข้าไปในเนื้อหาคุณภาพ พร้อมทั้งมีการกำหนด Size ฟอนท์อย่างเหมาะสม (Appropriate) (Font Size) และจัดองค์ประกอบทั้งหมดของเว็บโฮมเพจและ Position ของเว็บไซต์ (Web Layout) ให้อุปการะผู้ที่เข้ามาอ่านและทำความเข้าใจข้อมูลที่เป็นประโยชน์เป็นหลัก และเนื้อหาสำคัญและรายละเอียด (Detail) ที่นำมาโพสหรือเขียนไว้ใน Web ไซต์จะต้องเป็นบทความ (Content) Quality จริงๆ ไม่ได้สำเนามาจาก Web อื่น อีกทั้งเนื้อหาวิชาการต้องมีประโยชน์ต่อ Reader ไม่มากก็น้อยครับ การทำอันดับหน้าแรกของบน Google ในยุคสมัยปัจจุบันต้องทำเพื่อคนดูครับ ไม่ใช่ทำเพื่อ Google Bot ดูหรืออ่านและทบทวน มีองค์กรที่รับโปรโมทเว็บให้ดังลั่นและนักทำ SEO ส่วนมากไม่ได้เห็นความสำคัญอย่างแท้จริงของเนื้อหาที่อ่านแล้วได้รับความรู้มากนักและบ่อยครั้งที่มีการสำเนามากจากเว็บเพจอื่นแล้วมา Spin บทความที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน (ซึ่งไมให้ความรู้ให้การเลือกใช้คำที่มีคำหมายใกล้เคียงกันบทความที่เขียนขึ้นเพื่อผู้อ่าน บทความที่เป็นมิตรกับผู้อ่านที่มีคุณภาพที่แท้จริงต้องเขียนอย่างมีคุณภาพเกี่ยวกับด้วยตนเอง) และในหน้าที่เป็น Landing Page หรือหน้าหลักที่จะทำลำดับบน Search Engine นั้น ควรมี Link ที่เป็น คีย์เวิร์ดที่มีผลตอบรับดีเวร์ด ในหน้านั้นๆ ด้วยครับ และภายในเนื้อหาสำคัญจะต้องมีคำค้นอยู่ในบทความ (Content) นั้นไม่มากเกินไปและไม่น้อยจนเกินไปครับ เพียงเท่านั้นก็สามารถปรับให้บล็อกอุปการะ Search Engine Optimize ได้ในช่วงหนึ่งแล้วครับ ต่อไปพวกเราทุกคนจะศึกษาทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในหัวข้อ (Topic) ที่สองซึ่งจะเกี่ยวกับการปรับปรุงเว็บให้ส่งเสริม SEO จากองค์ประกอบภายนอกหรืออาจเรียกว่า External Factor ครับ สรุปบทความดังกล่าวในส่วนของการทำ SEO On Page นั้น เว็บไซต์มาสเตอร์หรือเจ้าของบล็อกควรเขียนอย่างมีคุณภาพเกี่ยวกับเนื้อหาคุณภาพที่แท้จริงไม่ซ้ำคนไหน โดยมีจุดประสงค์ที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้ที่สนใจอ่านบทความได้รับประโยชน์จากการอ่านบทความที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านดังกล่าว และภายในเนื้อเรื่องจะต้องมีคำค้นที่มีการแข่งขันกันสูงอย่างเหมาะสม ตลอดจนปรับเปลี่ยนโครงสร้างมาตรฐานของบล็อกให้อ่านและทบทวนง่าย มีการเน้นคำในส่วนที่ ต้องการอย่างแรงกล้าให้ผู้ที่รักการอ่านสังเกตทางวิทยาศาสตร์และเข้าใจ และสามารถเผยแพร่ความรู้ให้ผู้ที่สนใจสัมพันธภาพระหว่างคำกับสัญลักษณ์ในภาษาของประโยคคำถาม และ Web ควรมีการอัพเดทเนื้อหาสาระอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง อย่างไรก็ตามเพื่อให้เว็บหน้าหลักมีความเคลื่อนไหวซึ่งเป็นที่มีความสนใจมากขึ้นของ google bot อีกทั้งยังทำให้ปริมาณการ index ของเราและผู้อ่านทุกท่านเพิ่มขึ้น เพราะกูเกิ้ล ต้องการอย่างแรงกล้าเว็บหน้าหลักที่มีข้อมูลที่เขียนจากประสบการณ์ใหม่และมีประโยชน์อีกทั้งชอบเว็บที่มีโครงสร้างที่เป็นรูปแบบมาตรฐานที่ใหญ่มีเนื้อหาสำคัญที่หลายหลากและมีคุณภาพ (Quality)

2. Traffic ซึ่งหมายความถึง จำนวนคนเข้าเว็บ ถ้ามีมากแสดงว่าหน้าเพจของเรามีชื่อเสียง (เว็บดัง)และมันชี้วัดโดยคำว่า Authority นั่นเอง โดยมี Off-Page Optimization เป็นตัวปฎิบัติ

  • สามารถพูดได้ว่า การที่พวกเราทำ Off-Page SEO ก็เพื่อส่งสัญญาณบอก Google ว่าเว็บเรามีชื่อเสียง เว็บเราดัง มีคนเข้าเยอะ หรือเป็น Authority Site
  • Off-Page SEO หรือ SEO Traffic เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ Web Traffic เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงนั้น การหา Traffic เข้าเว็บ มีหลากหลายช่องทางมาก

การทำ SEO ให้ติดลำดับด้วยเทคนิคเฉพาะตัว “SEO Off Page” เป็นเคล็ดลับการทำอันดับที่ดีของบน google search โดยมุ้งเน้นในการปรับให้อุปการะ search engine จากปัจจัยทั้งหมดภายนอกเป็นหลัก ซึ่งได้แก่ ไรท์ Content คุณภาพ Quality Content หรือจะเรียกว่า Unique Content ก็ได้ แล้วสร้างลิงค์เชื่อมโยง (Link) มายังเว็บเพจหลัก โดยให้ทำเป็น Keyword Link กลับมายังเว็บที่ ปรารถนาดันอันดับ (Rating) ที่มักได้ยินบรรดานักทำ SEO พูดกันว่า “Anchor Text Link” ซึ่งเราและผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บเรียกหลักไรท์บทความที่เขียนขึ้นด้วยการสรุปใจความสำคัญและสร้างลิงค์ไปหาเว็บหน้าหลักหลัก (Money Site) ว่า “การสร้าง Back Link” ซึ่งแบ็คลิงค์จะช่วยดำเนินการให้อันดับต้นๆของ Blogดีขึ้นครับ แต่ถึงอย่างไรเราต้องให้สิ่งสำคัญอันดับต้นๆเรื่องของการเขียนข้อความเนื้อหาคุณภาพที่ดีและมีประโยชน์อย่างแท้จริงครับ หากสร้างแบ็คลิงค์ด้วยบทความที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านซ้ำๆ กัน ไม่ได้ส่งผลให้ Rating ดีขึ้น ถ้ามีก็น้อยมากครับ การคัดลอกและโพส Quality Content ซ้ำๆ นั้นไม่เป็นเป็นประโยชน์อย่างสูงต่อการทำ SEO ครับ แทนที่อันจะทำอันดับหน้าแรกของของ Website มี Ranking ที่ดีขึ้นแต่กลับมีอันดับที่ดีของร่วงไปอีก ไรท์เนื้อหาคุณภาพที่มีคุณภาพหลายคนไว้วางใจกลับมายังเว็บไซต์หลักนั้น จะส่งเป็นผลดีอย่างมากมายต่ออันดับและยังเป็นการเพิ่มค่า ค่าที่กูเกิ้ลใช้กำหนดระดับคุณภาพของเว็บ (ค่าที่ google ใช้กำหนดคุณภาพที่ทุกคนเชื่อมั่นของบล็อกว่าอยู่ในระดับใด ซึ่งมีตั้งแต่ค่า 0 – 10) ของเว็บหน้าหลักอีกด้วยครับ ซึ่งในการสร้าง back link ที่ดีและมีประสิทธิภาพ (Efficiency) นั้นควรสร้างหรือเขียนให้ผู้อ่านเข้าใจเกี่ยวกับบทความที่เป็นมิตรกับผู้อ่านกับ Website ที่มีค่า page rank สูงๆ ซึ่งจะช่วยได้มากในการทำอันดับครับ ยกตัวอย่างเช่นเช่น การไป Write บทความที่ทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้ความเข้าใจที่มีสาระและเป็นประโยชน์อย่างสูงจาก Web ดังๆ อย่าง sanook.com, dealfish.co.th, blogger.com, wordpress.com ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งมีเว็บที่พัฒนาขึ้นให้สนับสนุนต่อผู้ใช้งานฟรี Web บอร์ดฟรี จำนวนมากที่มีคุณภาพที่ทุกคนมั่นใจและมีค่า Authority Ranking ที่สูงและเว็บหน้าหลักที่มีคนเข้าไปใช้บริการที่ดีและมีคุณภาพมากๆ นั้น อันจะทำ google bot ชอบมาเก็บข้อมูลที่เขียนจากประสบการณ์ crawling บ่อยมาก ทำให้บทความคุณภาพที่เราทุกคนเขียนให้อ่านรู้เรื่องเกี่ยวกับนั้นมีการ Index ที่อย่างเร็วครับ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการทำ on page ก็คือ การนำระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ดมาใช้ในการสร้าง bl ไม่ว่าจะเป็น Google Plus, Facebook, Twitter, Youtube ซึ่งจะช่วยประสานให้ Rating ดีขึ้นและยังทำให้ Rating Web นิ่งและติดอันดับที่ดีของนาน อย่างไรก็ดีการโปรโมทเว็บประชาสัมพันธ์เว็บให้ติด Top 3 ของ Gogole google นั้นสำคัญมากที่สุดทั้งในส่วนของ On Page และ Off Page ครับ ต้องทำควบคู่กันไปครับ ผู้ที่รับโปรโมทเว็บทำเว็บให้มีคนรู้จักให้ติด Rating ต้นๆของผลการค้นหาข้อมูลความรู้ของเสิร์ทเอนจิ้น หลายรายบ้างก็บอกว่าการทำ On Page สำคัญเป็นอันดับแรกกว่า ปรับแต่งออนเพจอย่างเดียวก็สามารถทำอันดับได้ บ้างก็บอกว่าออนเพจไม่สำคัญเป็นอันดับแรกเท่ากับออฟเพจ สร้างแบ็คลงค์มากๆ ยังไงก็ติดอันดับ (Rating) ได้ไม่ยากเย็นอะไร ด้วยประสบการณ์ (Experience) ของผู้ถ่ายทอดอยากจะแนะนำให้กับผู้ที่สนใจอ่านบทความทุกๆคนว่า การทำ SEO นั้นไม่ได้เน้นหนักไปทางใดทางหนึ่งครับ หากแต่ต้องทำควบคู่กันไปอย่างสมดูลโดยที่ยึดหลักเน้นคุณภาพสูงไว้ก่อนตามที่ Google Thailand ต้องการ (Want) ถ้ามัวแต่ปรับออนเพจอย่างเดียวไม่สร้างออฟเพจอย่างนี้อันดับ (Rating) ก็ขึ้นยาก หรือถ้ามัวแต่สร้างออฟเพจในขณะที่ออนเพจไม่ได้คุณภาพเว็บโฮมเพจก็ไม่ย่อมที่จะอยู่อันดับที่ดีของต้นๆ ของผลการค้นหาแนวทางได้ครับ และขอเน้นย้ำให้กับผู้อ่านทุกท่านทุกๆคนว่าพยายามเขียนอย่างละเอียดเกี่ยวกับบทความที่เขียนขึ้นจากหนังสือหลายๆเล่มที่เป็นมิตรกับผู้ที่สนใจอ่านเนื้อหาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

การทำ SEO ของสวนหม่อนไม้?
1. Title หรือ ชื่อเรื่อง สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมากในการเขียนบทความ เพราะมันเป็นสิ่งแรกที่ Google นั้นจะนำไปแสดงในผลการค้นหา และเป็นคีย์หลักที่จะกำหนดเนื้อหาต่างๆ ในบทความ ยกเว้นเว็บข่าว ที่ปัจจุบันนี้เน้นสร้าง title หลอกให้คิดว่าเป็นเรื่องดราม่าเสียเป็นส่วนใหญ่ นอกจาก Title ที่ควรตั้งให้น่าสนใจแล้ว ก็ควรมี keyword ของสิ่งที่เราต้องการจะเขียนถึงแทรกอยู่ในนั้นด้วย นอกจากนี้ WordPress ยังแปลง Title นี้ไปเป็น url ให้เราแบบอัตโนมัติหากเราได้ตั้งค่า url แบบ postname ไว้ในตอนที่เราตั้งค่า Permalinks ถึงแม้หลายท่านจะบอกว่า google เริ่มลดความสำคัญของ url แล้วก็ตาม
2. Heading คือแท็กหนึ่งของ Html ที่ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการกรองเนื้อหาที่สำคัญของเว็บ แปลตามตัวตรงๆ ก็คือ หัวข้อเรื่อง บทความแต่ละบทความนั้นควรมี heading ที่สอดคล้องกับ title อย่างเช่นบทความนี้ เราก็ใส่ heading 2 (แท็ก h2) ให้กับหัวข้อเรื่องในบรรทัดแรก ย่อหน้าแรกเลยคือคำว่า Search engine optimization (SEO) เนื่องจาก heading 1 (h1) นั้นจะถูกใช้อัตโนมัติใน title แล้ว (โดยธีมส่วนใหญ่) เห็นมั๊ยคะว่าเขาเตรียมไว้ให้เราหลายอย่างแล้ว มันถึงได้แรงไง เอาเป็นว่า ก่อนที่จะเขียนบทความใดๆ ให้เรานึกในใจก่อนว่าจะใช้ keyword คำไหนที่สามารถนำมาเป็นหัวข้อได้บ้าง โดยพยายามให้เชื่อมโยงกับ Title ด้านบน และสอดคล้องกับสิ่งที่เราต้องการจะเขียน ไม่ใช่จะเขียนถึง ไข่ไก่ แต่คำสำคัญมีแต่ ผัก ผลไม้ ซึ่งไม่ใกล้เคียงกันเลย
3. เน้นคำสำคัญ การเน้นคำสำคัญด้วย ตัวหนา ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้ เพื่อให้ search engine ได้รู้ว่าคำเหล่านี้สำคัญ และมันก็จะรู้ว่าบทความนี้พูดถึงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เมื่อมีการค้นหา แต่ห้ามสแปมเป็นอันขาด ไม่ใช่ใส่ตัวหนา ตัวเอียง ขีดเส้นใต้กันทุกสองสามประโยค แบบนี้เขาก็ไม่ปลื้มเช่นกันนะคะ เพราะมันจะมองว่าเป็นบทความที่ไม่มีคุณภาพ น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหลงเหลง เอาเป็นว่าให้ผู้อ่านอ่านรู้เรื่อง เน้นความสมจริง ไม่ใช่เน้นมั่วไปหมดค่ะ เครื่องมือมีให้แล้ว ใช้ให้เป็นประโยชน์
4. รูปภาพ สิ่งหนึ่งที่เมื่อเราค้นหาแล้วจะมีที่หน้าแรกบ่อยมากๆ เลยนั่นก็คือ รูปภาพ โดยเฉพาะเว็บขายสินค้า ภาพสวยๆ ใครก็อยากคลิกใช่มั๊ยคะ การทำ Seo โดยละเลยการใส่ข้อมูลให้ search engine รู้ว่าภาพของเราเกี่ยวกับอะไรนั้นถือว่าเฟลมาก คอมพิวเตอร์นั้นไม่สามารถดูภาพออกว่ามันคือภาพอะไร ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องบอกให้มันรู้ว่า ภาพนี้คือภาพอะไร อาจจะมองดูเป็นการเสียเวลา แต่เชื่อเถอะค่ะว่าไม่มีอะไรเสียไปโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน สิ่งที่เราสามารถทำ Seo ให้กับรูปภาพได้ก็คือการกำหนดแท็ก Alt (Alternative) และ Title ให้กับภาพ (ส่วนชื่อไฟล์ภาษาไทยอาจมีปัญหาในอนาคต ขอไม่เอ่ยถึง แต่ใครจะใช้ก็ไม่ว่ากัน) แล้วจะทำยังไง เพราะ WordPress เตรียมไว้แล้ว เราแค่เสียเวลากรอกมันนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ โดยเมื่อเราแทรกภาพ แล้วทำการคลิกที่ภาพ จะมีกรอบสี่เหลี่ยมและรูปดินสอให้เราแก้ไขภาพ ตรงนั้นแหละค่ะ ให้เราใส่ข้อมูล keyword หรือข้อความอะไรก็ได้ ที่เราต้องการจะสื่อว่าภาพนี้คืออะไร หรือภาพนี้เกี่ยวกับบทความนี้อย่างไร อาจจะตั้งเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อเรื่องของบทความเลยก็ได้
5. ลิงค์ การสร้างการเชื่อมโยงลิงค์ในเว็บไซต์นั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ทั้งต่อ Seo และคนอ่าน เพราะถ้ามีการเชื่อมโยงลิงค์ดีๆ เราจะสามารถทำให้ผู้อ่านอยู่กับเรานานขึ้นด้วยการคลิกลิงค์ไปอ่านยังบทความอื่นๆ ของเรา การสร้างลิงค์นี้ก็ง่ายมากใน WordPress เพียงแต่มีหลักการ Seo ง่ายๆ คือ ลิงค์ควรมีคำหลักอยู่ด้วย แทนที่เราจะใช้คำว่า คลิกที่ เป็นลิงค์ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เราก็ทำลิงค์เป็นประโยคไปเลยก็ได้ โดยให้ลิงค์ดูกลมกลืนไปกับบทความ และมีคำหลักของบทความนั้นๆ อยู่ในลิงค์ด้วย จะลิงค์ไปที่บทความไหน ก็ใช้ชื่อบทความนั้นนั่นแหละมาเป็นลิงค์ การสร้าง Link ใน WordPress (<< แบบนี้ไงลิงค์ที่ควรจะทำ) นั้นก็แสนง่าย มีกล่องให้เสริชหาบทความที่จะลิงค์ได้เลย แถมยังสร้าง Title ให้ลิงค์อัตโนมัติ ซัพพอร์ต Seo สุดๆ
6. Featured image , Excerpt ข้อนี้ไม่เชิงว่ามีผลกับ Seo แต่ Excerpt (ตัดทอน) และ Featured image (รูปพิเศษ) มีผลกับผู้อ่านโดยตรง เพราะมันเปรียบเสมือน Tailor หนังตัวอย่าง ที่จะบอกให้คนอ่านได้รู้ว่าคุณจะเข้าไปพบกับอะไรบ้าง เราจะเขียนให้น่าสนใจ ตื่นเต้น หรือน่าเบื่อก็อยู่ที่ตรงนี้แหละ โดยเราจะเห็น Excerpt ในบางธีม โดยเฉพาะธีมแนวบล็อก โดยให้เราเขียนเนื้อเรื่องย่อของบทความนั้นลงไป มันก็จะไปโชว์ที่หน้าแรกหรือหน้ารวมเมื่อผู้ชมอ่านดูก็จะรู้ว่าบทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง โดยปกติหากเราไม่เขียนเอง ระบบจะดึงข้อความบนย่อหน้าแรกมาแสดงแทน ซึ่งถ้าอยากให้น่าสนใจกว่านั้น เราก็ควรจะเสียเวลาซักนิด เขียนมันขึ้นมาเองจะดีกว่าค่ะ ส่วน Featured image นั้นก็ช่วยดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อมันถูกแชร์บน Social ต่างๆ

ป้ายคำ : ,

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

อิคิไก : คุณค่าของการมีชีวิต
การตลาดด้วยเนื้อหา : Content Marketing
เครื่องมือออนไลน์เพื่อการตลาด สำหรับเกษตรกร